ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ของซิกมันด์
ฟรอยด์

ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud, 1856 - 1938)
ฟรอยด์ได้แบ่งจิตของมนุษย์ออกเป็น
3 ระดับ
1. จิตสำนึก
2.. จิตก่อนสำนึก
3. จิตไร้สำนึก
เนื่องจากระดับจิตสำนึก เป็นระดับที่ผู้แสดงพฤติกรรมทราบ และรู้ตัว ส่วนเนื้อหาของระดับ จิตก่อนสำนึก เป็นสิ่งที่จะดึงขึ้นมา อยู่ในระดับจิตสำนึก ได้ง่าย ถ้าหากมีความจำเป็นหรือต้องการ ระดับจิตไร้สำนึกเป็นระดับที่อยู่ในส่วนลึกภายในจิตใจ จะดึงขึ้นมาถึงระดับจิตสำนึกได้ยาก แต่สิ่งที่อยู่ในระดับไร้สำนึก ก็มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม ฟรอยด์เป็นคนแรก ที่ได้ให้ความคิดเกี่ยวกับแรงผลักดันไร้สำนึก (Unconscious drive) หรือแรงจูงใจไร้สำนึก (Unconscious motivation) ว่าเป็นสาเหตุสำคัญของพฤติกรรม และมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพของมนุษย์
1. จิตสำนึก
2.. จิตก่อนสำนึก
3. จิตไร้สำนึก
เนื่องจากระดับจิตสำนึก เป็นระดับที่ผู้แสดงพฤติกรรมทราบ และรู้ตัว ส่วนเนื้อหาของระดับ จิตก่อนสำนึก เป็นสิ่งที่จะดึงขึ้นมา อยู่ในระดับจิตสำนึก ได้ง่าย ถ้าหากมีความจำเป็นหรือต้องการ ระดับจิตไร้สำนึกเป็นระดับที่อยู่ในส่วนลึกภายในจิตใจ จะดึงขึ้นมาถึงระดับจิตสำนึกได้ยาก แต่สิ่งที่อยู่ในระดับไร้สำนึก ก็มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม ฟรอยด์เป็นคนแรก ที่ได้ให้ความคิดเกี่ยวกับแรงผลักดันไร้สำนึก (Unconscious drive) หรือแรงจูงใจไร้สำนึก (Unconscious motivation) ว่าเป็นสาเหตุสำคัญของพฤติกรรม และมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพของมนุษย์
ฟรอยด์กล่าวว่า
มนุษย์มีสัญชาตญาณติดตัวมาแต่กำเนิด และได้แบ่งสัญชาตญาณออกเป็น 2 ชนิด คือ สัญชาตญาณเพื่อการดำรงชีวิต (Life instinct) และสัญชาตญาณเพื่อความตาย (Death instinct)
โครงสร้างบุคลิกภาพ
ฟรอยด์ อธิบายเอาไว้ว่า โครงสร้างทางบุคลิกภาพประกอบด้วยพลัง 3 อย่าง อันได้แก่ Id Ego และ Super Ego พลังทั้งสามอย่างนี้มีลักษณะเฉพาะตัว แต่ก็ทำงานร่วมกันได้ และเป็นตัวกำหนดบุคลิกของมนุษย์ผู้ซึ่งมีพลังสามอย่างแตกต่างกัน
-Id เป็นพลังที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด เป็นพลังแห่งความปรารถนาทางกายโดยไม่คำนึงถึงเหตุและ ผล ความถูกต้องหรือความดี เป็นพลังแห่งความพึงพอใจหรืออาจบอกได้ว่าเป็นสัญชาติ ญาณแบบสัตว์เดียรัจฉานบนสมองเก่าหรือสมองส่วนท้าย (hindbrain) ในวัยเด็ก ทุกคนจะมี Id สูงกว่า Ego และ Super Ego ซึ่งหากเด็กถูกควบคุมมากเกินไป ไม่ได้รับความพึงพอใจตอบสนอง Id จะเป็นผลร้ายต่อการพัฒนาทางบุคลิกภาพในอนาคต เช่น เป็นคนที่อ่อนไหวต่อคำสรรเสริญนินทา เป็นคนแสวงแต่ความสุขความสำราญเกินพอดี
-Ego ป็นพลังแห่งการรู้การเข้าใจ การใช้เหตุผล การหาวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมาย และการใช้ตรรกกะเหตุผลคิดหาวิธีการสนอง Id เช่น เมื่อ Id หิว Ego จะใช้ตรรกะคิดหาวิธีตอบสนองว่าวันนี้ควรจะกินอะไร ที่ไหน แบบไหน Ego เรียกอีกอย่างว่าพลังความรู้จริง
-Super Ego เป็นพลังที่เกิดจากการเรียนรู้เช่นเดียวกับ Ego แต่จะแตกต่างกันตรงที่ Super Ego เป็นลักษณะค่านิยมต่างๆเช่น ความดีความชั่ว ถูกผิด ยึดมั่นในกฎระเบียบ เคร่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นพลังที่จะหักห้ามความรุนแรงของ Id โดยเฉพาะพฤติกรรมทางเพศและความก้าวร้าวรุนแรง
ฟรอยด์ อธิบายเอาไว้ว่า โครงสร้างทางบุคลิกภาพประกอบด้วยพลัง 3 อย่าง อันได้แก่ Id Ego และ Super Ego พลังทั้งสามอย่างนี้มีลักษณะเฉพาะตัว แต่ก็ทำงานร่วมกันได้ และเป็นตัวกำหนดบุคลิกของมนุษย์ผู้ซึ่งมีพลังสามอย่างแตกต่างกัน
-Id เป็นพลังที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด เป็นพลังแห่งความปรารถนาทางกายโดยไม่คำนึงถึงเหตุและ ผล ความถูกต้องหรือความดี เป็นพลังแห่งความพึงพอใจหรืออาจบอกได้ว่าเป็นสัญชาติ ญาณแบบสัตว์เดียรัจฉานบนสมองเก่าหรือสมองส่วนท้าย (hindbrain) ในวัยเด็ก ทุกคนจะมี Id สูงกว่า Ego และ Super Ego ซึ่งหากเด็กถูกควบคุมมากเกินไป ไม่ได้รับความพึงพอใจตอบสนอง Id จะเป็นผลร้ายต่อการพัฒนาทางบุคลิกภาพในอนาคต เช่น เป็นคนที่อ่อนไหวต่อคำสรรเสริญนินทา เป็นคนแสวงแต่ความสุขความสำราญเกินพอดี
-Ego ป็นพลังแห่งการรู้การเข้าใจ การใช้เหตุผล การหาวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมาย และการใช้ตรรกกะเหตุผลคิดหาวิธีการสนอง Id เช่น เมื่อ Id หิว Ego จะใช้ตรรกะคิดหาวิธีตอบสนองว่าวันนี้ควรจะกินอะไร ที่ไหน แบบไหน Ego เรียกอีกอย่างว่าพลังความรู้จริง
-Super Ego เป็นพลังที่เกิดจากการเรียนรู้เช่นเดียวกับ Ego แต่จะแตกต่างกันตรงที่ Super Ego เป็นลักษณะค่านิยมต่างๆเช่น ความดีความชั่ว ถูกผิด ยึดมั่นในกฎระเบียบ เคร่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นพลังที่จะหักห้ามความรุนแรงของ Id โดยเฉพาะพฤติกรรมทางเพศและความก้าวร้าวรุนแรง
วีดีโอที่เกี่ยวข้อง
ฟรอยด์กล่าวว่า ความพึงพอใจในส่วนต่างๆ
ของร่างกายนี้เป็นไปตามวัยเริ่มตั้งแต่วัยทารกจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ขั้น
1. ขั้นปาก (Oral
Stage) (ตั้งแต่แรกเกิด-18 เดือน) ทารกมีความสุขในการใช้ชีวิตโดยการทำกิจกรรมทางปากเช่น
การดูด เคี้ยว กัด เล่นด้วยเสียงผู้ที่พัฒนาทางนี้ไม่สมบูรณ์ตอนเป็นผู้ใหญ่ก็จะยังคงหามความสุขเช่นนี้ต่อ
เช่น กินจุบจิบ ชอบพูดคุย ชอบเคี่ยวหมากฝรั่ง ชอบนินทา ชอบสูบบุหรี่ ฯลฯ
2. ขั้นทวารหนัก (Anal Stage) (อายุระหว่าง 2-3 ปี) ทารกจะชอบทำกิจกรรมที่ใช้ทวารหนัก
หากช่วงเวลาความพอใจไม่สมบูรณ์ ทารกก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เจ้าระเบียบ พิถีพิถัน
รักความสะอาดอย่างมาก
3. ขั้นอวัยวะเพศ (Phallic Stage) (อายุระหว่าง 3-5 ปี) เด็กมีความพึงพอใจทำกิจกรรมที่เนื่องด้วยอวัยวะเพศ เช่น เล่นกับอวัยวะเพศของตน ซึ่งต่อมาจะมีการเลียนแบบบทบาททางเพศ เด็กหญิง-ชายที่ละเลยการเลียนแบบให้ถูกแนวในระยะนี้ จะโตเป็นพวกนิยมบทบาทของเพศตรงข้าม
4. ขั้นแฝง (Latency Stage) (อายุระหว่าง 6-12 ปี) เป็นระยะที่ฟรอยด์กล่าวว่า เด็กเก็บกดความต้องการทางเพศ หรือความต้องการทางเพศสงบลง (Quiescence Period) เด็กชายมักเล่น หรือจับกลุ่มกับเด็กชาย ส่วนเด็กหญิง ก็จะเล่น หรือจับกลุ่มกับเด็กหญิง
5. ขั้นสนใจเพศตรงข้าม (Genital Stage) (อายุระหว่าง 12 ปีขึ้นไป) จะมีความต้องการทางเพศ วัยนี้จะมีความสนใจในเพศตรงข้าม ซึ่งเป็นระยะเริ่มต้นของวัยผู้ใหญ่
power point http://www.slideshare.net/earlychildhood024057/ss-56123945
3. ขั้นอวัยวะเพศ (Phallic Stage) (อายุระหว่าง 3-5 ปี) เด็กมีความพึงพอใจทำกิจกรรมที่เนื่องด้วยอวัยวะเพศ เช่น เล่นกับอวัยวะเพศของตน ซึ่งต่อมาจะมีการเลียนแบบบทบาททางเพศ เด็กหญิง-ชายที่ละเลยการเลียนแบบให้ถูกแนวในระยะนี้ จะโตเป็นพวกนิยมบทบาทของเพศตรงข้าม
4. ขั้นแฝง (Latency Stage) (อายุระหว่าง 6-12 ปี) เป็นระยะที่ฟรอยด์กล่าวว่า เด็กเก็บกดความต้องการทางเพศ หรือความต้องการทางเพศสงบลง (Quiescence Period) เด็กชายมักเล่น หรือจับกลุ่มกับเด็กชาย ส่วนเด็กหญิง ก็จะเล่น หรือจับกลุ่มกับเด็กหญิง
5. ขั้นสนใจเพศตรงข้าม (Genital Stage) (อายุระหว่าง 12 ปีขึ้นไป) จะมีความต้องการทางเพศ วัยนี้จะมีความสนใจในเพศตรงข้าม ซึ่งเป็นระยะเริ่มต้นของวัยผู้ใหญ่
power point http://www.slideshare.net/earlychildhood024057/ss-56123945
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น